ที่ประเทศจีนมีข่าวลือแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วที่เมืองอย่างน้อย 4 แห่งของมณฑลเหอเป่ย ได้แก่ เป่าติง, หลางฟาง, เหอเจียง และเหรินกู และเริ่มเข้าไปในพื้นที่บางส่วนของมณพลชางตงที่อยู่ติดกันแล้วว่าจะมีเทพเจ้ามาลักพาตัวลูกหลานของพวกตนไป
โดยเหตุเริ่มจากครั้งเกิดแผ่นดินไหว 4.8 ริกเตอร์เมื่อ 28 พ.ค.ที่ผ่านมาส่งผลให้ เจดีย์ที่วัดโบราณหลายแห่งพังถล่มลงมาทำให้เหล่าเทพเจ้าไม่พอใจเป็นอย่างมากและจะลงมาเอาตัวลูกหลานชาวบ้านในแถบนั้นไป ทำให้ชาวบ้านต้องรีบแห่กันไปซื้อลูกพีชและประทัดมาจุดในยามค่ำคืนซึ่งถือว่าการจุดประทัดเป็นการขับไล่สิ่งชั่วร้าย ขณะที่คำว่าพีช ในภาษาจีน หรือ "taozi" ออกเสียงเช่นเดียวกับคำว่า "เด็กชายที่กำลังหลบหนี"ในภาษาจีน
แม้ว่าทางรัฐบาลจะได้ออกมาประกาศแจ้งเตือนว่าห้ามจุดประทัดในยามค่ำคืนเพราะอาจเกิดอันตรายได้แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ยอมเชื่อฟังอยู่ดี
หลังจาก "ซี" มัฑณาวี คีแนน สาวหล่อโดนรถกระบะชนจนอาการสาหัสต้องผ่าตัดดูดเลือดที่คลั่งในสมองออกเมื่อวันที่ 27 พ.ค.มาแล้ว
ในวันนี้ "ซี" กลับมีอาการทรุดหนักลงอีกครั้ง มีอาการปวดศรีษะอย่างรุนแรง และอาเจียนถี่แพทย์ให้ยาแก้ปวดแต่ก็ไม่หายหลังจากเอกซเรย์แล้วก็ไม่พบอาการผิดปกติใดๆ แพทย์จึงลงความเห็นว่าน่าจะเกิดจากอาการกำเริบของรอยฟกช้ำใต้เนื้อเยื่อสมองทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนและปวดศีรษะอย่างรุนแรง
สั่นสะเทือนไปหลายตำบลในเขตจังหวัดระนอง ภัยภิบัติทางธรรมชาติที่เหนือการควบคุม ซึ่งในปัจจุบันนี้ถือว่าเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนทำให้หลายๆคนหวาดกลัวว่าโลกจะถึงการอวสานแล้ว
ทั้งนี้เมื่อเวลา 12.49 น.ของวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 4.00 ริกเตอร์ที่ ต.หงาว จ.ระนอง ห่างจากตัวเมืองเพียง 20 กิโลเมตรซึ่งส่งผลให้ตัวเมืองและหลายๆตำบลรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนครั้งนี้บางแห่งตัวบ้านถึงกับเกิดรอยร้าวแต่โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ โดยจุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่บริเวณละติจูดที่ 9.84 องศาเหนือ ลองจิจูตที่ 95.58 องศาตะวันออก ขนาด 4 ริกเตอร์ เป็นแผ่นดินไหวบนบกมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณริมทะเล ต.หงาว อ.เมืองระนอง ซึ่งแผ่นดินไหวดังกล่าวรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนทั่วทั้งอำเภอเมืองระนอง แต่ที่รับรู้ได้แรงที่สุดคือ บริเวณชายทะเลที่ติดกับภูเขาในพื้นที่ ต.หงาว ถือเป็นการเกิดแผ่นดินไหวบนรอยเลื่อนระนอง ซึ่งเป็น 1 ใน 13 รอยเลื่อนที่มีพลังของประเทศไทย
การเมืองไทยระอุขึ้นทุกวัน ป่วนหนักไม่แพ้เด็กนักเรียนยกพวกตีกัน เมื่อประธานสภาสั่งลงมติเลื่อนวาระปรองดอง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เกิดการไม่พอใจจึงขว้างหนังสือใส่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบกันนายสมศักดิ์ ออกจากที่ประชุมไปขึ้นรถเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกัน
ซึ่งในการกระทำดังกล่าวของส.ส.ประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะในฐานะหัวหน้าพรรคก็ยอมรับว่าทำให้ภาพพจน์ของพรรคเสียหาย ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.เพื่อไทย จี้ นายอภิสิทธิ์-ส.ส.ปชป. ขอขมาต่อประธานรัฐสภา หลังแสดงพฤติกรรมบุกบัลลังก์ขัดขวางการทำหน้าที่ จนทำให้การประชุมสภาปั่นป่วน เกิดภาพความวุ่นวาย จนอับอายไปทั่วโลก
บัวขาว ป.ประมุข ช็อกแฟนมวย ประกาศเลิกชกมวยอย่างเป็นทางการ หลังถกกับต้นสังกัดไม่ลงตัว โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการรับงานและส่วนแบ่งในการโชว์ตัว เจ้าตัวเผยตัดสินใจมานานแล้ว แต่จะยังคงอยู่ในวงการมวยต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 55 ความคืบหน้าของความขัดแย้งระหว่าง "บัวขาว ป.ประมุข" นักชกไทยไฟท์ชื่อดัง กับต้นสังกัด ค่าย ป.ประมุข ซึ่งยังเคลียร์กันไม่ลงตัวนั้น ล่าสุดที่อาคารชั้น 7 การกีฬาแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เรียกคู่กรณีนี้มาคุยอีกครั้ง หลังมีการเจรจามาแล้วหนหนึ่งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม แต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ โดยมีนายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมมวยอาชีพเป็นประธาน ร่วมกับนายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการ กกท. และนายเดช ใจกล้า ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย โดยมีสื่อมวลชนมาทำข่าวเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานในที่ประชุมได้มอบหมายให้นายเดช ใจกล้า เป็นผู้กล่าวนำในการไกล่เกลี่ยต่อจากครั้งก่อน โดยนายเดชขอความร่วมมือให้สื่อมวลชนออกไปรอด้านนอกที่ประชุม เพราะต้องการจะประชุมกันอย่างลับๆ แต่ "กำนันแก๊" ประมุข โรจนตัณฑ์ ของฝั่ง ป.ประมุขกล่าวแย้งว่า เพื่อความโปร่งใสและความชัดเจน อยากให้สื่อได้รับฟังด้วยเพื่อจะได้รับรู้เรื่องราวข่าวสารและข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องดังกล่าว นายสมชาติก็เห็นดีด้วย โดยให้เหตุผลว่า ถ้าสื่อมวลชนได้อยู่รับฟัง หรือมีข้อสงสัย จะซักถามและจบกันตรงนี้เลย
ก่อนที่จะพูดคุยกันนั้น วิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ทนายของฝั่ง ป.ประมุข ได้กล่าวว่า ตามที่บัวขาวได้ร้องขอให้ถอนฟ้องนายธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม นั้น ไม่มีปัญหา ตนถอนฟ้องให้ตามที่ขอมาทันที จากนั้นทั้งสองฝ่ายที่นำทนายความส่วนตัวมาด้วยกัน ได้พูดคุยตกลงเจรจากันในเรื่องของสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่างขึ้นมาใหม่ โดยมีนายสกล เป็นคนกลาง บางจังหวะก็มีการโต้กันไปมาด้วยเหตุผล บางข้อสัญญาที่ร่างขึ้นมาสองฝ่ายก็ตกลงกันได้ แต่ก็มีบางข้อที่ต้องพูดคุยกันยาวนาน โดยเฉพาะเรื่องของการรับงานชกมวย หรืองานโชว์ตัว ซึ่งตามเดิมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่เป็นข้อตกลงในเบื้องต้นนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถรับงานได้และต้องยินยอมทั้ง 2 ฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ในการเจรจาครั้งนี้ ทนายของบัวขาว คือ นายเทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ได้ร้องขอให้เปลี่ยนข้อตกลงในการรับงานจากที่ทั้ง 2 ฝั่งสามารถรับงานได้ แต่ต้องได้รับการยินยอมจากทั้งคู่ มาเป็นให้บัวขาวเป็นผู้ตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว รวมถึงส่วนแบ่งที่นอกเหนือจากการชกมวยบนเวที ไม่ว่าอะไรก็ตามให้เป็นของบัวขาวแต่เพียงผู้เดียว และจะไม่ใช้ชื่อว่า บัวขาว ป.ประมุข ไม่เหมือนกับที่คุยในครั้งแรกเช่นกัน
จากประเด็นนี้ทำให้ทนายความของฝั่งค่ายมวย ป.ประมุข คือ นายวิวรรธน์ กล่าวโต้ตอบว่า ที่ผ่านมาค่ายมวยยอมรับได้ทุกอย่าง แต่มาวันนี้ฝั่งของบัวขาวเปลี่ยนไป ทั้งที่เรื่องทุกอย่างทำท่าจะจบตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมแล้ว เมื่อบัวขาวร้องขอให้ทางค่ายถอนฟ้องนายธีรวัฒน์ เราก็ดำเนินการให้ แต่มาวันนี้เมื่อฝั่งบัวขาวจะเรียกร้องเพื่มขึ้น คิดว่ามันไม่น่าจะใช่ เพราะทุกอย่างได้คุยกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นมีอีกทางคือ ให้หาคนมาซื้อสิทธิ์ในตัวของบัวขาวไปเลยดีกว่า เพราะฝั่งของกำนันแก๊ ก็โอเคแล้ว ซึ่งตนจะดำเนินการให้ก็ได้ ไม่มีปัญหา ว่าแต่ว่าบัวขาวจะคิดอย่างไร เพื่อทุกอย่างจะได้จบ ไม่มีข้อผูกพันกันอีกต่อไป
เครดิต: คม-ชัด-ลึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 55 ความคืบหน้าของความขัดแย้งระหว่าง "บัวขาว ป.ประมุข" นักชกไทยไฟท์ชื่อดัง กับต้นสังกัด ค่าย ป.ประมุข ซึ่งยังเคลียร์กันไม่ลงตัวนั้น ล่าสุดที่อาคารชั้น 7 การกีฬาแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เรียกคู่กรณีนี้มาคุยอีกครั้ง หลังมีการเจรจามาแล้วหนหนึ่งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม แต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ โดยมีนายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมมวยอาชีพเป็นประธาน ร่วมกับนายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการ กกท. และนายเดช ใจกล้า ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย โดยมีสื่อมวลชนมาทำข่าวเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธานในที่ประชุมได้มอบหมายให้นายเดช ใจกล้า เป็นผู้กล่าวนำในการไกล่เกลี่ยต่อจากครั้งก่อน โดยนายเดชขอความร่วมมือให้สื่อมวลชนออกไปรอด้านนอกที่ประชุม เพราะต้องการจะประชุมกันอย่างลับๆ แต่ "กำนันแก๊" ประมุข โรจนตัณฑ์ ของฝั่ง ป.ประมุขกล่าวแย้งว่า เพื่อความโปร่งใสและความชัดเจน อยากให้สื่อได้รับฟังด้วยเพื่อจะได้รับรู้เรื่องราวข่าวสารและข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องดังกล่าว นายสมชาติก็เห็นดีด้วย โดยให้เหตุผลว่า ถ้าสื่อมวลชนได้อยู่รับฟัง หรือมีข้อสงสัย จะซักถามและจบกันตรงนี้เลย
ก่อนที่จะพูดคุยกันนั้น วิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ทนายของฝั่ง ป.ประมุข ได้กล่าวว่า ตามที่บัวขาวได้ร้องขอให้ถอนฟ้องนายธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม นั้น ไม่มีปัญหา ตนถอนฟ้องให้ตามที่ขอมาทันที จากนั้นทั้งสองฝ่ายที่นำทนายความส่วนตัวมาด้วยกัน ได้พูดคุยตกลงเจรจากันในเรื่องของสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่างขึ้นมาใหม่ โดยมีนายสกล เป็นคนกลาง บางจังหวะก็มีการโต้กันไปมาด้วยเหตุผล บางข้อสัญญาที่ร่างขึ้นมาสองฝ่ายก็ตกลงกันได้ แต่ก็มีบางข้อที่ต้องพูดคุยกันยาวนาน โดยเฉพาะเรื่องของการรับงานชกมวย หรืองานโชว์ตัว ซึ่งตามเดิมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่เป็นข้อตกลงในเบื้องต้นนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถรับงานได้และต้องยินยอมทั้ง 2 ฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ในการเจรจาครั้งนี้ ทนายของบัวขาว คือ นายเทพปกรณ์ อินทรพัฒน์ ได้ร้องขอให้เปลี่ยนข้อตกลงในการรับงานจากที่ทั้ง 2 ฝั่งสามารถรับงานได้ แต่ต้องได้รับการยินยอมจากทั้งคู่ มาเป็นให้บัวขาวเป็นผู้ตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว รวมถึงส่วนแบ่งที่นอกเหนือจากการชกมวยบนเวที ไม่ว่าอะไรก็ตามให้เป็นของบัวขาวแต่เพียงผู้เดียว และจะไม่ใช้ชื่อว่า บัวขาว ป.ประมุข ไม่เหมือนกับที่คุยในครั้งแรกเช่นกัน
จากประเด็นนี้ทำให้ทนายความของฝั่งค่ายมวย ป.ประมุข คือ นายวิวรรธน์ กล่าวโต้ตอบว่า ที่ผ่านมาค่ายมวยยอมรับได้ทุกอย่าง แต่มาวันนี้ฝั่งของบัวขาวเปลี่ยนไป ทั้งที่เรื่องทุกอย่างทำท่าจะจบตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมแล้ว เมื่อบัวขาวร้องขอให้ทางค่ายถอนฟ้องนายธีรวัฒน์ เราก็ดำเนินการให้ แต่มาวันนี้เมื่อฝั่งบัวขาวจะเรียกร้องเพื่มขึ้น คิดว่ามันไม่น่าจะใช่ เพราะทุกอย่างได้คุยกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นมีอีกทางคือ ให้หาคนมาซื้อสิทธิ์ในตัวของบัวขาวไปเลยดีกว่า เพราะฝั่งของกำนันแก๊ ก็โอเคแล้ว ซึ่งตนจะดำเนินการให้ก็ได้ ไม่มีปัญหา ว่าแต่ว่าบัวขาวจะคิดอย่างไร เพื่อทุกอย่างจะได้จบ ไม่มีข้อผูกพันกันอีกต่อไป
เครดิต: คม-ชัด-ลึก
หลังจากเป็นข่าวช็อคโลกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาล่าสุด ภาพใบหน้าของชายเปลือยเร่ร่อน ซึ่งถูกตำรวจไมอามีวิสามัญฆาตกรรม ขณะกำลังสวาปามใบหน้าของชายล่อนจ้อนอีกคน ถูกเปิดเผยทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในคืนวันอาทิตย์ (27) ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยข่าวระบุว่าเขาคือ รูดี ยูจีน วัย 31 ปี
รูดี ยูจีน ซึ่งกลายเป็น “ฮันนิบาล เลคเตอร์” ที่หลุดออกมาจากภาพยนตร์ ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในวันเสาร์ (26) ที่ผ่านมา ในเหตุการณ์ที่ถือว่าสยดสยองที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของมลรัฐฟลอริดา
ขณะที่เหยื่อของเขา ซึ่งเป็นชายเร่ร่อนไม่ทราบชื่อ ยังมีอาการเป็นตายเท่ากัน อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในไมอามี โดยมีรายงานว่า ใบหน้าของเขาแทบไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่งเลยทีเดียว
ยูจีน ซึ่งส่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ ขณะกลืนกินเนื้อสดๆ ของชายที่ตกเป็นเหยื่อ ต้องถูกยิงถึง 6 นัดกว่าจะสิ้นใจ โดยตำรวจระบุว่า กระสุนนัดแรกๆ แทบไม่ทำให้เขาสะทกสะท้าน ซ้ำยังคงกัดกินหู จมูก แก้ม แม้กระทั่งลูกตาของเหยื่อต่อไป
สำหรับสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการโจมตีอันน่าสยดสยองเช่นนี้ หรือยาชนิดใดก็ตามที่ยูจีนอาจใช้ ยังคงเป็นปริศนาอยู่ พวกผู้เชี่ยวชาญซึ่งสื่อมวลชนอเมริกันสอบถาม หลายคนสันนิษฐานว่า คดีนี้ คนร้ายน่าจะใช้ยาเสพติดที่ทำให้มีอาการเพ้อคลั่งพลุ่งพล่าน (excited delirium) ซึ่งสามารถกระตุ้นให้ผู้เสพแสดงพฤติกรรมรุนแรง มีความแข็งแรงอย่างคาดไม่ถึง ยาเสพติดที่ก่อให้เกิดอาการดังกล่าวนี้ อาจจะเป็น แอลเอสดีชนิดใหม่ๆ, โคเคน, หรือ ยาเสพติดแบบผสมขึ้นจากยาเสพติดหลายๆ ชนิด ซึ่งเรียกกันว่า “เกลืออาบน้ำ” (bath salts)
ทางด้านอดีตภรรยาของยูจีน บอกกับสื่อมวลชนในสหรัฐฯว่า อดีตสามีของเธอมีประวัติชอบใช้ความรุนแรง อดีตภรรยาซึ่งสื่อไม่ระบุชื่อผู้นี้กล่าวว่า ทั้งคู่แต่งงานกันเพียงช่วงสั้นๆ แค่ 1 ปีครึ่ง
“ฉันจะไม่พูดหรอกว่าเขามีปัญหาโรคจิต แต่เขาจะรู้สึกเหมือนคนอื่นๆ ต่างเป็นศัตรูกับเขาอยู่เสมอ … ไม่มีใครเลยที่เข้าข้างเขา ทุกๆ คนต่างก็เป็นศัตรูกับเขาทั้งนั้น” เธอเล่า
เธอบอกด้วยว่า เธอตัดสินใจเลิกชีวิตคู่กับเขาก็เนื่องจากยูจีนใช้ความรุนแรงโดยทั้งคู่หย่าร้างกันในปี 2007 และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยติดต่อกับเขาอีก
สำหรับ แลร์รี เวกา ชาวนิวยอร์กซึ่งเพิ่งย้ายไปอยู่ไมอามีได้ไม่นาน ได้เห็นเหตุการณ์คนขย้ำกินคนดังกล่าว ระหว่างที่เขาขี่จักรยานผ่านบนทางหลวง ทำให้เขาคิดที่จะย้ายครอบครัวออกจากรัฐฟลอริดาไปเลย
“ผมใช้ชีวิตทั้งชีวิตในนิวยอร์ก และไม่เคยเจออะไรที่บ้าคลั่งเช่นนี้มาก่อน” เขาบอกกับ WPLG ทีวีในไมอามี “ชายคนนั้น อย่างกับซอมบี้ มีเลือดหยดเต็มไปหมด”
“สิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดที่ผมเคยเห็นคือหนังเรื่อง 'The Walking Dead' เขากล่าว และว่า “ผมไม่เคยคิดว่าผมจะเห็นคนกินคนอื่น มันน่าขนลุกมากจริงๆ”
เครดิต: mgr.manager.co.th
รูดี ยูจีน ซึ่งกลายเป็น “ฮันนิบาล เลคเตอร์” ที่หลุดออกมาจากภาพยนตร์ ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในวันเสาร์ (26) ที่ผ่านมา ในเหตุการณ์ที่ถือว่าสยดสยองที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของมลรัฐฟลอริดา
ขณะที่เหยื่อของเขา ซึ่งเป็นชายเร่ร่อนไม่ทราบชื่อ ยังมีอาการเป็นตายเท่ากัน อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในไมอามี โดยมีรายงานว่า ใบหน้าของเขาแทบไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่งเลยทีเดียว
ยูจีน ซึ่งส่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ ขณะกลืนกินเนื้อสดๆ ของชายที่ตกเป็นเหยื่อ ต้องถูกยิงถึง 6 นัดกว่าจะสิ้นใจ โดยตำรวจระบุว่า กระสุนนัดแรกๆ แทบไม่ทำให้เขาสะทกสะท้าน ซ้ำยังคงกัดกินหู จมูก แก้ม แม้กระทั่งลูกตาของเหยื่อต่อไป
สำหรับสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการโจมตีอันน่าสยดสยองเช่นนี้ หรือยาชนิดใดก็ตามที่ยูจีนอาจใช้ ยังคงเป็นปริศนาอยู่ พวกผู้เชี่ยวชาญซึ่งสื่อมวลชนอเมริกันสอบถาม หลายคนสันนิษฐานว่า คดีนี้ คนร้ายน่าจะใช้ยาเสพติดที่ทำให้มีอาการเพ้อคลั่งพลุ่งพล่าน (excited delirium) ซึ่งสามารถกระตุ้นให้ผู้เสพแสดงพฤติกรรมรุนแรง มีความแข็งแรงอย่างคาดไม่ถึง ยาเสพติดที่ก่อให้เกิดอาการดังกล่าวนี้ อาจจะเป็น แอลเอสดีชนิดใหม่ๆ, โคเคน, หรือ ยาเสพติดแบบผสมขึ้นจากยาเสพติดหลายๆ ชนิด ซึ่งเรียกกันว่า “เกลืออาบน้ำ” (bath salts)
ทางด้านอดีตภรรยาของยูจีน บอกกับสื่อมวลชนในสหรัฐฯว่า อดีตสามีของเธอมีประวัติชอบใช้ความรุนแรง อดีตภรรยาซึ่งสื่อไม่ระบุชื่อผู้นี้กล่าวว่า ทั้งคู่แต่งงานกันเพียงช่วงสั้นๆ แค่ 1 ปีครึ่ง
“ฉันจะไม่พูดหรอกว่าเขามีปัญหาโรคจิต แต่เขาจะรู้สึกเหมือนคนอื่นๆ ต่างเป็นศัตรูกับเขาอยู่เสมอ … ไม่มีใครเลยที่เข้าข้างเขา ทุกๆ คนต่างก็เป็นศัตรูกับเขาทั้งนั้น” เธอเล่า
เธอบอกด้วยว่า เธอตัดสินใจเลิกชีวิตคู่กับเขาก็เนื่องจากยูจีนใช้ความรุนแรงโดยทั้งคู่หย่าร้างกันในปี 2007 และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยติดต่อกับเขาอีก
สำหรับ แลร์รี เวกา ชาวนิวยอร์กซึ่งเพิ่งย้ายไปอยู่ไมอามีได้ไม่นาน ได้เห็นเหตุการณ์คนขย้ำกินคนดังกล่าว ระหว่างที่เขาขี่จักรยานผ่านบนทางหลวง ทำให้เขาคิดที่จะย้ายครอบครัวออกจากรัฐฟลอริดาไปเลย
“ผมใช้ชีวิตทั้งชีวิตในนิวยอร์ก และไม่เคยเจออะไรที่บ้าคลั่งเช่นนี้มาก่อน” เขาบอกกับ WPLG ทีวีในไมอามี “ชายคนนั้น อย่างกับซอมบี้ มีเลือดหยดเต็มไปหมด”
“สิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดที่ผมเคยเห็นคือหนังเรื่อง 'The Walking Dead' เขากล่าว และว่า “ผมไม่เคยคิดว่าผมจะเห็นคนกินคนอื่น มันน่าขนลุกมากจริงๆ”
เครดิต: mgr.manager.co.th
Lenovo ตั้งเป้าเบอร์หนึ่งตลาดออลอินวันไทย เปิดตัวออลอินวันระดับพรีเมียม A720 ประเดิมวางขายผ่านชิค รีพับบลิค ศูนย์รวมอุปกรณ์ตกแต่งบ้านระดับพรีเมียม หวังยกระดับแบรนด์เข้าตลาดพรีเมียมไปในตัว ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดปีนี้ไว้ 50%
นายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความต้องการคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่เป็นแบบออลอินวันประเทศไทยถือว่ายังมีโอกาสทางการตลาดค่อนข้างสูง โดยทาง Lenovo คาดว่ามีสัดส่วนถึง 50% ของตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทั้งตลาด ในปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 1 ล้านเครื่อง ซึ่งทาง Lenovo มีส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ออลอินวันอยู่ประมาณ 40% และตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มเป็น 50% ในสิ้นปีนี้
ปัญหาของตลาดคอมพิวเตอร์แบบออลอินวันที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในบ้านเรามากนัก น่าจะเป็นเรื่องของช่องทางจัดจำหน่ายที่ยังถึงกลุ่มเป้าหมายได้ยังไม่ดีพอ ซึ่งการที่ Lenovo ร่วมมือกับบริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ในตลาดพรีเมียม ก็ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้ Lenovo สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง
“การทำตลาดออลอินวันให้ประสบความสำเร็จนั้น เป็นเรื่องของการสร้างช่องทางจัดจำหน่ายเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย นอกเหนือจากความหลากหลายของตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งในเวลานี้ Lenovo ถือว่าเป็นรายเดียวที่มีสินค้าครบทุกระดับราคาตั้งแต่หมื่นกว่าบาทจนถึง 7-8 หมื่นบาท”
ล่าสุดทาง Lenovo ได้ร่วมมือกับทางบริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด วางคอมพิวเตอร์ออลอินวันรุ่นใหม่ล่าสุด A720 ที่มาพร้อมกับจอ 27 นิ้วที่บางที่สุดในท้องตลาด หนาเพียง 24.5 มิลลิเมตร ซีพียูอินเทล คอร์ i7 เจเนอเรชันที่ 3 สามารถปรับองศาจอได้ตั้งแต่ -5 องศาถึง 90 องศา และยังมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานที่บ้านและในเชิงธุรกิจอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียงดอลบี โฮมเธียเตอร์ เวอร์ชัน 4 เว็บแคมความละเอียด 720p รวมถึงระบบทัชสกรีนของเลอโนโว “ไอเดียทัช”
นายปวิณยังกล่าวอีกว่า ความร่วมมือกับชิค รีพับบลิคในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดแบบทวีคูณของเลอโนโวในส่วนของช่องทางจัดจำหน่ายและพาร์ตเนอร์ใหม่ที่ไม่ใช่กลุ่มไอที เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Lenovo สามารถเข้าถึงตลาดในเซกเมนต์ใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น โดยตัว A720 นี้นอกจากวางจำหน่ายที่ชิค รีพับบลิคแล้ว จะเลือกวางขายเฉพาะแบรนด์ชอปของ Lenovo ที่มีอยู่ในเวลานี้ 14 แห่ง และคาดว่าจะขยายเพิ่มอีก 5-10 แห่ง ที่สำคัญยังจะมาพร้อมกับบริการแบบพรีเมียมสำหรับผู้ที่ซื้อออลอินวันรุ่นนี้ ทาง Lenovo ยังมีเซอร์วิสแบบพรีเมียมให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งถึงบ้านพร้อมติดตั้ง และยังมีบริการ 24 ชั่วโมง
“พาร์ตเนอร์อย่างชิค รีพับบลิค ทำให้ Lenovo สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมได้มากขึ้น ซึ่งช่วยยกระดับแบรนด์ให้กับ Lenovo ไปในตัว"
เครดิต: Manager.co.th
นายปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความต้องการคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่เป็นแบบออลอินวันประเทศไทยถือว่ายังมีโอกาสทางการตลาดค่อนข้างสูง โดยทาง Lenovo คาดว่ามีสัดส่วนถึง 50% ของตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทั้งตลาด ในปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 1 ล้านเครื่อง ซึ่งทาง Lenovo มีส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ออลอินวันอยู่ประมาณ 40% และตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มเป็น 50% ในสิ้นปีนี้
ปัญหาของตลาดคอมพิวเตอร์แบบออลอินวันที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในบ้านเรามากนัก น่าจะเป็นเรื่องของช่องทางจัดจำหน่ายที่ยังถึงกลุ่มเป้าหมายได้ยังไม่ดีพอ ซึ่งการที่ Lenovo ร่วมมือกับบริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ในตลาดพรีเมียม ก็ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้ Lenovo สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง
“การทำตลาดออลอินวันให้ประสบความสำเร็จนั้น เป็นเรื่องของการสร้างช่องทางจัดจำหน่ายเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย นอกเหนือจากความหลากหลายของตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งในเวลานี้ Lenovo ถือว่าเป็นรายเดียวที่มีสินค้าครบทุกระดับราคาตั้งแต่หมื่นกว่าบาทจนถึง 7-8 หมื่นบาท”
ล่าสุดทาง Lenovo ได้ร่วมมือกับทางบริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด วางคอมพิวเตอร์ออลอินวันรุ่นใหม่ล่าสุด A720 ที่มาพร้อมกับจอ 27 นิ้วที่บางที่สุดในท้องตลาด หนาเพียง 24.5 มิลลิเมตร ซีพียูอินเทล คอร์ i7 เจเนอเรชันที่ 3 สามารถปรับองศาจอได้ตั้งแต่ -5 องศาถึง 90 องศา และยังมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานที่บ้านและในเชิงธุรกิจอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียงดอลบี โฮมเธียเตอร์ เวอร์ชัน 4 เว็บแคมความละเอียด 720p รวมถึงระบบทัชสกรีนของเลอโนโว “ไอเดียทัช”
นายปวิณยังกล่าวอีกว่า ความร่วมมือกับชิค รีพับบลิคในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดแบบทวีคูณของเลอโนโวในส่วนของช่องทางจัดจำหน่ายและพาร์ตเนอร์ใหม่ที่ไม่ใช่กลุ่มไอที เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Lenovo สามารถเข้าถึงตลาดในเซกเมนต์ใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น โดยตัว A720 นี้นอกจากวางจำหน่ายที่ชิค รีพับบลิคแล้ว จะเลือกวางขายเฉพาะแบรนด์ชอปของ Lenovo ที่มีอยู่ในเวลานี้ 14 แห่ง และคาดว่าจะขยายเพิ่มอีก 5-10 แห่ง ที่สำคัญยังจะมาพร้อมกับบริการแบบพรีเมียมสำหรับผู้ที่ซื้อออลอินวันรุ่นนี้ ทาง Lenovo ยังมีเซอร์วิสแบบพรีเมียมให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งถึงบ้านพร้อมติดตั้ง และยังมีบริการ 24 ชั่วโมง
“พาร์ตเนอร์อย่างชิค รีพับบลิค ทำให้ Lenovo สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมได้มากขึ้น ซึ่งช่วยยกระดับแบรนด์ให้กับ Lenovo ไปในตัว"
เครดิต: Manager.co.th