คนขายเล่าให้ฟังว่าเป็นชาวร้อยเอ็ดมีอาชีพทำนามาชั่วลูกชั่วหลานแต่มาหลังเริ่มขาดแคลนฝนประกอบกับที่นาต้องมีการแบ่งให้บรรดาพี่ๆน้องๆทำให้ที่นาน้อยลงผลผลิตไม่เท่าเดิม แกตัดสินใจมาผจญภัยที่กรุงเทพ เที่ยวหางานแต่ไม่มีที่ไหนรับคนที่วุฒิการศึกษาน้อย แกบอกว่าเช่าห้องเล็กๆอยู่ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าเพราะยังหางานไม่ได้ วันหนึ่งไปพบเพื่อนบ้านที่มาจากภาคเดียวกันเห็นเขาทำส้มตำขายและขายได้ดี แกเลยลองมาทำขายเริ่มจากการหาบขายไปตามบ้านเรือนใกล้ที่พักผลปรากฏว่าขายดีจริงๆแกเริ่มขยับจากหาบขายมาเป็นตั้งเป็นร้านเพิงหมาแหงนเล็กริมทางมีที่นั่งให้ลูกค้านิดหน่อย มีการเพิ่มเมนูจากส้มตำอย่างเดียวก็เพิ่ม อาหารประเภทยำ ย่าง มีทั้งไก่ ปลา หมูอะไรแปลกๆแต่อร่อยแกก็เพิ่มเข้ามาเอาใจลูกค้า เมื่อลูกค้าเริ่มเยอะขึ้นร้านจำต้องขยายซึ่งปัจจุบันร้านแกมีขนาดใหญ่ขึ้นจนต้องจ้างคนมาช่วยแต่เวลาประกอบอาหารแกกับภรรยาจะเป็นคนลงมือทำเอง ทำให้ได้รสชาดอาหารที่คงที่ลูกค้าจึงนิยมไม่เหมือนบางรายที่เริ่มขายดีก็จะจ้างคนงานทำอาหาร บางครั้งรสชาดจึงไม่แน่นอนทำให้คนไม่นิยม
ส้มตำที่อร่อยติดปากคนทั่วไปนั้นมักมีสูตรลับเป็นของตนเองไม่บอกใคร คนขายบอกกับดิฉันอีกอย่างว่าอาหารทุกอย่างเค้าใส่ใจทำเสมอลูกค้าจึงนิยมจะเห็นได้ว่าจริงอย่างที่แกบอกเพราะร้านส้มตำมีเยอะมากแต่ใช่ว่าจะอร่อยทุกร้าน และแกยังบอกอีกว่าใครก็ตามที่มองหางานดีๆแล้วไม่ได้จะลองมาทำส้มตำขายก็ดีไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะปัจจุบันนี้อาชีพค้าขายของกินกำลังเป็นอาชีพที่รายได้ดีมากๆ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ แล้วพบกันใหม่นะคะ